วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554

วิธีปลดหนี้

ที่มา : นิตยสารดวงใจพ่อแม่  Vol.12  September 2007 

                                http://bangkok.olxthailand.com/tvi-express-iid-49347314

 วิธีปลดหนี้
(มันเป็นเรื่องจริงที่นานแค่ไหนก็ใช้ได้ ดูจากที่มาดูดิ)

   มีหลายคนที่เป็นหนี้แล้วสามารถปลดหนี้สินหมดได้ ต้องใช้กำลังใจและความอดทน คุณโจ มณฑาณี ตันติสุข เป็นคนหนึ่งที่โดนวิกฤติทางเศรษฐกิจ หนี้สินท่วมตัวถูกฟ้องเกือบล้มละลายแต่ในที่สุดก็สามารถปลดหนี้ 3 ล้านกว่าได้ เธอเขียนหนังสือที่บอกเล่าจากประสบการณ์จริงของตัวเองบวกกับการหาข้อมูลรอบ ด้าน ชื่อ “เงิน เรื่องใหญ่ที่โรงเรียนไม่เคยสอน” ในหนังสือเล่มนี้มีหลักการปฏิวัตินิสัยทางการเงิน 6 ข้อที่น่าสนใจ ก็เลยขอเก็บเป็นเกร็ดมาฝากค่ะ
   1. แยกแยะให้ได้ระหว่าง “อยากได้” กับ “จำเป็น”
   2. รู้สถานการณ์การเงินของคุณอย่างดี ทั้งตัวเลขในบัญชี ใบแจ้งหนี้ ยอดชำระหนี้ เป็นต้น
   3. ต้องเริ่มทำบันทึกการเงินตั้งแต่วันนี้ เพื่อป้องกัน “เงินฉันหายไปไหน?”
   4. ให้รางวัลตัวเองด้วยการออม
   5. ฝึกนิสัย “มีเงินสดค่อยซื้อ”
   6. ทิ้งมนุษย์พิษที่บั่นทอนสุขภาพเงินของเรา แต่ให้สะสมมนุษย์ยอดเยี่ยมเก็บไว้ 

 ทางออกเมื่อหาเงินจ่ายหนี้ไม่ทัน
   เมื่อเงินที่เคยมีใช้หนี้อยู่ทุกเดือนต้องชะงัก ถึงเวลาที่คุณจะต้องลงมือทำอะไรบ้างแล้วล่ะ

   1. อย่าหนีหนี้และอย่าไปพึ่งหนี้นอกระบบ ขณะเดียวกันก็ต้องไม่สร้างหนี้เพิ่มโดยการประหยัดให้มากที่สุด ซื้อแต่ของจำเป็นจริงๆ ยังไม่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก เนื่องจากขณะนี้ไม่สะดวกจ่าย แล้วก็หันมาพยายามจับจ่ายใช้สอยด้วยเงินสด หนี้บัตรเครดิตจะได้ไม่งอกเพิ่ม เพื่อให้หลุดจากวังวนของการเป็นหนี้ไม่รู้จบ จ่ายหนี้หมดสิ้นแล้วค่อยอนุญาตตัวเองให้ใช้บัตรเครดิตได้อีกครั้ง คราวนี้ใช้อย่างมีสติด้วย

 
   2. จดบันทึกรายรับรายจ่าย ยิ่ง ตอนเป็นหนี้ยิ่งจะต้องพยายามจดอย่างละเอียด เพื่อให้รู้สถานการณ์การเงินของตัวเอง ในบันทึก จะฟ้องว่าอะไรเป็นรายจ่ายที่ตัดทิ้งได้ ต่อไปก็พยายามกันเงินส่วนหนึ่งเพื่อจ่ายหนี้ให้มากที่สุดในแต่ละเดือน
   3. ปลดหนี้ก้อนใหญ่ให้หมด ดูว่าถ้าชำระหนี้แบบเต็มวงเงินแล้วยังมีเงินเหลือพอดำรงชีวิตต่อไปในแต่ละ เดือนมั้ย ถ้ามีหนี้บัตรไม่กี่ใบกัดฟันจ่ายหนี้บัตรที่มียอดหนี้มากที่สุด ด้วยเงินก้อนโตหน่อยในแต่ละเดือน ส่วนบัตรใบที่หนี้น้อยถ้าทำได้ก็พยายามใช้ให้สูงกว่าจ่ายขั้นต่ำ เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้หนี้กันยาวนานถ้าไม่ได้ก็ต้องทนจ่ายขั้นต่ำไป มีเมื่อไหร่ก็ค่อยรีบมาโปะเพิ่ม
   4. รีไฟแนนซ์ยืดหนี้ ถ้าใช้หนี้แล้วเหลือเงินไม่พอใช้สอยในชีวิตประจำวัน ก็ลองรีไฟแนนซ์เพื่อยืดหนี้ออกไป อย่าไปตกหลุมพรางหาแหล่งเงินกู้ที่ดอกเบี้ยสูงกว่าหนี้เก่าล่ะ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังเพิ่มหนี้เข้าไปอีก ต้องหารีไฟแนนซ์ที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า ถ้าเป็นหนี้บัตรเครดิต 3 ใบก็อาจเลือกรีไฟแนนซ์แค่ 1-2 ใบก็พอ ซึ่งจะช่วยให้ผ่อนหนี้ได้ดีแล้วยังมีเงินเหลือแต่อย่าลืมว่ามีข้อดีก็ต้องมี ข้อเสีย คือจะต้องเป็นหนี้นานขึ้นกว่าเดิม เช่น จาก 20 เดือนเป็น 42 เดือนแทน
   5. หาแหล่งเงินกู้เดอกเบี้ยต่ำ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนสวัสดิการพนักงาน สหกรณ์ บริษัทที่ทำงานอยู่หรือถ้ามีวินัยการใช้หนี้ การหันหน้าไปพึ่งพาคนในครอบครัวก็เป็นอีกทางหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่ายืมแล้วทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับไปด้วย คงไม่ดีแน่
   6. ปรับโครงสร้างหนี้ อาจติดต่อเจ้าหน้าที่บัตรเครดิตขอปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งก็คือการทำสัญญาใหม่ที่มักจะรวมเงินต้น ดอกเบี้ย เบี้ยปรับทั้งหมด ค่าธรรมเนียมการติดตามหนี้ ข้อดีคือ ช่วยยืดระยะเวลาชำระหนี้ออกไป หรือถ้าติดทั้งหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลกับเจ้าหนี้เดียวกัน อาจได้ข้อเสนอให้รวมหนี้มาเป็นยอดเดียวกัน และคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่าเดิม แต่อย่าลืมว่าหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลมีอายุความต่างกันการคิด ดอกเบี้ยก็อยู่ในอัตราที่ต่างกัน ถ้าไม่มีเงินจ่ายหนี้ในกรณีที่มีหนี้หลายตัว ก็ไม่ควรปรับโครงสร้างหนี้ เพราะถ้าผิดนัดแม้แต่งวดเดียวอาจถูกอายัดทรัพย์ หรืออายัดเงินเดือนได้ 

ที่มา : นิตยสารดวงใจพ่อแม่  Vol.12  September 2007

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันนี้ค่าเงินบาทแข็งมาก คุณรู้หรือเปล่า?



 ขณะนี้วันที่ 6 ..53 เงินบาทแข็งค่าถึงระดับ 29.95 -29.97 บาท/ดอลลาร์ไปแล้ว
นักวิชาการณ์คาดการณ์สาเหตุของค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ว่า เกิดจาก ความต้องการซื้อเงินบาทโดยนำเอาเงินตราต่างประเทศ (ซึ่ง 80% คือเอาเงินดอลลาร์) มาแลกนั้นนาจะมาจาก 4 แหล่ง คือ
1. การเกินดุลบัญชีเดินสะพัด คือการท่ไทยมีรายได้เป็นงินดอลล่าจากการส่งออกมากกว่ารายจ่ายให้ต่างประเทศที่เป้นดอลล่าทำให้เงินดอลล่าร์ไหลเข้าประเทศ
2. การเข้ามาซื้อพันธบัตรในประเทศไทย ต่างชาติได้นำเงินเข้ามาลงทุนในพันธบัตรไทย สูงกว่าการลงทุนในหุ้น ทั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะดอกเบี้ยไทยสูงกว่า ตปท. เช่น พันธบัตรรัฐบาลไทย 2 ปีให้ผลตอบแทน 2.4% ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 2 ปีให้ผลตอบแทน 0.5%
3. การลงทุนโดยตรง (FDI) เพราะเศรษฐกิจเอเชียดีกว่าที่อเมริกา จึงมีเงินเข้ามาลงทุนมาก
4. การเข้ามาซื้อหุ้นในประเทศไทย ตลาดหุ้นไทยยังมีค่า P/E ต่ำกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน(ของในตลาดไทยยังถูกน่าซื้อนั่นเอง)

แล้วผลประโยชน์จะเกิดกับใครเมื่อเงินบาทแข็งค่าจากอัตราแลกเปลี่ยน
  -
ผู้ซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ประโยชน์ ประหยัดเงินไทยที่ต้องนำไปแลก
  -
ผู้ขายสินค้าไปต่างประเทศเสียประโยชน์ ได้เงินบาทน้อย แม้ได้ดอลลาร์เท่าเดิม แต่อาจได้ประโยชน์ถ้าเขาขึ้นราคาสินค้า และ สินค้าของเขาคนซื้อต้องง้องอนด้วย (ความยืดหยุ่นของอุปสงค์เนื่องจากราคาน้อย)
  -
ลูกหนี้ที่กู้เงินต่างประเทศไว้ก่อนหน้า ได้ประโยชน์

ผู้นำของเรามีปฎิกิริยาอย่างไร
                "นายกฯ ให้ ธปท.ตัดสินใจหลังเงินบาทแข็งค่าในรอบ 13 ปี"

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการประชุมเอเชีย-ยุโรปถึงการดูแลค่าเงินบาท ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ระดับนโยบายกำลังดูแลความผันผวนที่มากเกินไปในตลาดอัตรา แลกเปลี่ยน ซึ่งค่าเงินบาทแข็งค่า 10.3% ถือเป็นระดับสูงสุดรอบ 13 ปีนั้น เกิดจากไทยยังเกินดุล และส่งออกยังแข็งแกร่ง แม้ค่าเงินบาทแข็งค่าแต่ยังไม่มีนโยบายกำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน สิ่งที่พยายามทำคือทำให้แน่ใจว่าไม่ผันผวนเกินไป
      ผู้ได้รับมอบหมาย ให้ข่าวว่า
..วงศ์วธู โพธิรัชต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน และบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษามาตรการดูแลเงินทุนไหลเข้า และติดตามการแข็งค่าของเงินบาทใกล้ชิด แต่ขณะนี้เป็นรอยต่อของการเข้ามารับหน้าที่ของผู้ว่าการธปท. คนใหม่ คงต้องใช้เวลาศึกษางานระยะหนึ่งก่อน

รายงานข่าวแจ้งว่า ธปท. ออกประกาศผ่อนคลายระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
มีผลบังคับใช้วันที่ 12 ..นี้ โดยมี 2 มาตรการคือ
1.ผ่อนผันให้บริษัทในประเทศที่มีแหล่งเงินได้ค่าสินค้าหรือบริการจากต่าง ประเทศ ชำระค่าสินค้าหรือบริการเป็นเงินตราต่างประเทศให้แก่บริษัทอื่นในประเทศได้
2.ผ่อนผันการยื่นแบบการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศสำหรับธุรกรรมเงินตราต่าง ประเทศที่มีจำนวนต่ำกว่า 50,000 เหรียญสหรัฐ รวมทั้งผ่อนผันการยื่นเอกสารหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมดังกล่าวด้วย ถือว่าเป็นมาตรการใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้ ธปท. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติตามมาตรการ 5 ข้อของกระทรวงการคลัง

สุดท้ายเราจะหาประโยชน์จากค่าเงินแข็งอย่างไร  นักวิชาการให้ความเห็นว่า หากเป็นการนำเข้าสินค้าทุนเพื่อขยายกิจการภายในประเทศ ก็หมายความว่า ประเทศไทยจะ "ใช้" การแข็งค่าของเงินบาทอย่างคุ้มค่าที่สุด

 เงิน เงิน และเงิน

อย่าลืมติดตามเรื่องเงินๆได้ที่ http://easytomillionairethai.blogspot.com/

ที่มา
KBANK คาด กนง.รอบนี้ชะลอขึ้นดอกเบี้ยนโยบายลดแรงกดดันบาทแข็งค่า
http://www.ryt9.com/economy/tag/ค่าเงินบาท   

เศรษฐศาสตร์จานร้อน : ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ กรุงเทพธุรกิจ วันจันทร์ที่ 06 กันยายน .. 2553
http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2010q3/2010September06p1.htm
      
ถ้าเงินบาทค่าแข็งขึ้นโดยอัตราแลกเปลี่ยน ใครได้ใครเสีย
http://www.pattanakit.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=445408&Ntype=120

ธปท.ผุดอีก2มาตรการแก้บาทแข็ง
http://www.kachon.com/politics/detail.asp?id=5579

วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การลงทุนครั้งแรก ภาคจบ : จะเริ่มลงทุนกันยังไงหว่า ?



จะยกตัวอย่างแนวทางการว่างแผนการเริ่มการลงทุน

กำหนดเป้าหมายของการลงทุนของท่าน  กำหนดว่าเราต้องการผลตอบแทนมากน้อยเท่าไหร โดยใช้ความรู้ความเข้าใจเป็นตัวตั้ง คือรู้มากมั่นใจมากหวังมาก  รู้น้อยมั่นใจน้อยหวังน้อย   ที่สำคัญ อย่าโลภเกินขอบเขตความรู้ข้อตน  (กูรูเค้าว่าไว้ไม่ได้คิดเอง อิๆ)
กำหนดช่วงเวลาที่ท่านตั้งใจจะลงทุน กำหนดระยะเวลาของการลงทุน เป็นสั้นกลางและยาว จะได้คิดคำนวนด้วยว่าลงทุนแล้วคุ้มค่าหรือเปล่าโดยใช้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารเป็นหลัก ถ้าได้น้อยกว่าฝากธนาคารก็เลิกเถอะทำไปเหนื่อยเปล่าหาอย่างอื่นทำดีกว่า   การกำหนดระยะเวลายังช่วยเลือกวีธีการลงทุนอีกด้วย  ที่สำคัญมันยังบังคับเราไม่ให้เลิกการลงทุนกลางคันได้อีกด้วย
พิจารณาลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท มีการกระจายความเสี่ยงหลายอย่างเพราะสิ่งที่แน่นอนคือความไม่แน่นอน มั่นใจมากลงสุดตัวอย่างเดียวถ้าผิดขึ้นมาหมดตัวต้องเริ่มจากศูนย์ใหม่   แต่ถ้ากระจายๆหลายๆอย่าง ถ้าผิดไปบางอย่างก็ยังพอเหลืออย่างอื่นมาช่วยบ้าง   อย่าผิดหมดเป็นใช้ได้ ฮ่าๆ
การลงทุนที่เน้นกระแสรายได้ที่มั่นคง ต้องลงทุนในสิ่งที่ให้ผลตอบแทนแน่นอนต่อเนื่อง แน่หล่ะมันต้องขึ้นกับความรู้ข้อเจ้าของเงินนั่นแหละ  และต้องลงทุนที่มีการรับรองว่าเป็นจริง กฎหมายรองรับ อย่าง หวย แชร์ การพนัน อย่างนี้ไม่เป้นการลงทุน เพราะเกิดอะไรขึ้นก็ฟ้องร้องไม่ได้นา เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
การลงทุนที่เน้นเรื่องการเจริญเติบโต ต้องลงทุนที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่หดหายไป ให้เกิดกำไรทบต้นขึ้นเรื่อยเป็นระยะเวลานานๆ แล้วจะเจอสิ่งมหัสจรรณ์อันดับแปดของโลก เหมือนที่ ไอน์สไตน์ บอก
ผลตอบแทนที่สูง มักจะตามมาด้วยความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน การลงทุนของเงินมันก็ขึ้นกับความเสี่ยงโดยตรง ถ้าต้องเสี่ยงมากแล้วส่วนใหญ่จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง  แต่ถ้าเสียงน้องส่วนใหญ่จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนต่ำ   แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามกฏนี้เสมอไป เพราะมีปัจจัยหนึ่งที่ใช้ควบคุมความเสี่ยงได้เป็นอย่างดีเลย  นั่นคือความรู้  ชัดๆคือ ถ้าเรารู้ในสิ่งที่เราลงทุนมากเท่าไหร่ โอกาสในการผิดพลาดของการลงทุนก็จะน้อยลง  พูดง่ายๆ ถ้าเรารู้ว่ามันจะเสียแน่ๆเราคงไม่ลงทุ่นแน่นอน แต่ถ้าคนเรารู้ว่าจะได้แน่นอนเราก็คงต้องทุ้มสุดชีวิต ขายบ้านมาลงทุนเลยทีเดียว
ความผันผวนของการลงทุน การลงทุนมีหลายแบบ  ความเสี่ยงต่างกัน ความผันผวนต่างกัน  เราต้องเลือกที่ลงทุนที่เราเข้าใจ แน่ใจ  เงินของเราอย่าให้ใครง่ายๆ    ลงทุนแล้วต้องนอนหลับว่างั้นเถอะ
กำหนดกลยุทธ์การลงทุน และยึดถือในแนวทางนั้น ต้องลงทุนอย่างต่อเนี่องในแนวทางที่เหมาะสมกับเรา ดูง่านๆ แนวทางที่เหมาะสม คือแนวทางที่เราลงทุนแล้วได้เงิน เป็นส่วนมากไม่เสียเงิน  ง่ายไหม  แล้วว่างแผนให้ได้มากขึ้นไปอีกเยอะๆ

คำเตือน:
การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยงรวมทั้งมีความเป็นได้ที่จะสูญเสียเงินลงทุน

ฝากคำถามการเริ่มลงทุนง่ายๆว่า     วันนี้ ราคาทองทำแท่ง อยู่ที่เท่าไหร่  
                                                                เมื่อว่านนี้ราคาทองทำแท่ง อยู่ที่เท่าไหร่ 
                                                                       เดือนที่แล้ว ราคาทองทำแท่ง อยู่ที่เท่าไหร่ 
                                                                               เมื่อ 1 ปีที่แล้ว ราคาทองทำแท่ง อยู่ที่เท่าไหร่ 
                                                                                        เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ราคาทองทำแท่ง อยู่ที่เท่าไหร่  


 เงิน เงิน และเงิน

อย่าลืมติดตามเรื่องเงินๆได้ที่ http://easytomillionairethai.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การลงทุนครั้งแรก ภาคแรก : ทำไมโรงเรียนไม่สอนให้ลงทุน?

ท่านคงสงสัยว่าถ้าเงินล้านมันทำได้ง่ายๆอย่างที่บอก แล้วทำไมเงินล้านไม่ไปอยู่กับทุกคนหล่ะไม่ไปอยู่กับคนกระจุกเดียวทำไมเนี่ย  คำตอบมันอยู่ที่การลงทุนครับ เหตุมันเริ่มมันมีว่า โรงเรียนสอนให้เราออมเงิน แต่โรงเรียนไม่เคยสอนให้เราเอาเงินออมไปทำอะไรต่อ  ผู้ใหญ่สอนเด็กๆว่า เก็บเงินไว้เยอะๆนะจะได้ใช้เมื่อจำเป็น อ้าวพูดอย่างนี้ก็เข้าทางเด็กสิครับ เด็กเก็บเงินได้หนึ่งร้อยบาทหุ่นยนต์ของเล่นก็น่าสนใจ เพื่อนๆมีแต่เราไม่มี มันต้องจำเป็นแน่ๆเลย  ซื้อซะ    วันรุ่นเก็บเงิน ได้หลายพัน  โทรศัพท์ไว้โทรหาเพื่อนสิจำเป็นจะได้ถามงานที่ .สั่ง มันต้องจำเป็นแน่ๆเลย ซื้อซะ  วันเริ่มทำงาน เก็บเงินได้หลายหมื่น ทำงานแล้วต้องมีรถไว้ขี่ไปทำงานรับส่งแฟนเดี๋ยวแฟนว่าไม่มีความสามารถ ซื้อรถแค่นี้ก็ไม่ได้  รถมันต้องจำเป็นแน่ๆเลย แถมช่วงนี้ ดาวน์ 10% ผ่อนสบายด้วย 84งวด(งวดสุดท้ายรถเหลือแต่ล้อ) ชิวๆ  ซื้อซะ  ................ไม่ต้องพูดต่อหรอกครับ ว่าวัยต่อไปจะจำเป็นแน่ๆ เรื่อง ไหนบ้าง  เช่น บ้านเอย แต่งเมียเอย งานบวชเอย  ลูกเอย โอ้ย มายอยากสาธยาย 
      ถ้าอยากมีเงินล้านเราต้องนำเงิน ที่ออมได้ไปลงทุน ต่อ แล้วทำไมโรงเรียนไม่สอนนักเรียนหล่ะ คำตอบง่ายๆนะ ครูยังทำไม่ได้แล้วจะเอาอะไรไปเขียนหลักสูตรสอนเด็กหล่ะครับ  แต่คนจีนเค้าสอนให้ลูกเค้างกแล้วก็เอาเงินไปลงทุนค้าขายให้ลูกเค้าเห็นอย่างนี้นะมันดีเสียกว่าคำสอนที่มีในโรงเรียนเสียอีก ฮ่าๆๆ อย่างที่เค้าว่า ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอนไงหล่ะครับ 

เรามาเริ่มเรื่องเรากันดีกว่า

ใครที่จะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ?  คำตอบคือ...ทุกคนก็สามารถที่จะเป็นได้!!! เราไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นมืออาชีพในการลงทุนเพียงมีการวางแผนการลงทุนที่ดีมีความแน่วแน่ในการศึกษาการลงทุนนั้นๆ

หากเป็นการลงทุนครั้งแรก
เราอาจจะรู้สึกถึงความไม่แน่นอน และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นลงทุนที่ไหน เพียงเราแนวแน่ในการศึกษาหาความรู้  แสวงหาโอกาส  เกาก็สามารถเพิ่มความมั่งคั่งได้
………………….ต่อวันพรุ่งนี้
เงิน เงิน และเงิน

อย่าลืมติดตามเรื่องเงินๆได้ที่ http://easytomillionairethai.blogspot.com/

วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ฉบับย่อ "22 เคล็ด(ไม่)ลับ เก็บเงินได้มากขึ้น" โดย korkiat to fly เพราะเห็นว่ามันยาวเกิน

  

บทความ..22 เคล็ด(ไม่)ลับ เก็บเงินได้มากขึ้น

เรื่อง วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ 
http://women.sanook.com/gallery/gallery/800008/119424/

    ในภาวะเงินจะฝืด การออมก็ยิ่งยาก เฉพาะกับลูกจ้างกินเงินเดือ ให้ผ่านแต่ละเดือนก็ยากแล้ว ยังมีภาระหนี้อีก แต่หากจะออมเสีย แม้เงินจะฝืดก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้
    ต่อไปนี้เป็นแนวคิดและวิถีการออมโลกตะวันตก ลองอ่านดูจะเห็นว่าหลายๆ วิธีก็ใช้ได้กับโลกตะวันออกเหมือนกัน
    “มัทยา ดีจริงจริง เจ้าของหนังสือขายดีออมน้อยก็รวยได้จากหนังสือ Saving On A Shoestring ของ Barbara O’Neill, CFP สำนัก พิมพ์ซีเอ็ดยูเคชั่น
บอกเคล็ดลับของการเริ่มออมว่า การเก็บเงินเหมือการลดความอ้วน มันยากตอนเริ่มและยากขึ้นไปอีกเมื่อต้องทำให้ต่อเนื่อง ต้องอดทนและมีวินัยมาก แต่หากคุณทำได้ ผลที่ได้รับนั้นแสนคุ้มค่า สำคัญที่สุดคือทัศนคติ ขอแค่คุณอยากมีเงิน
การเริ่มต้นที่ดีคือการ เลือกวิธีออมสักวิธี (หรือหลายวิธี) ที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเอง ลองพิจารณาดู 22 เคล็ดลับของนักออมที่เขาออมกันได้ผลมาแล้ว 22 เคล็ดลับของนักออมทั่วโลก
 1.จ่ายให้ตัวเองก่อนอันดับแรก แบ่งส่วนหนึ่งของเงินเดือนที่ได้ นำไปฝากเข้าบัญชีธนาคารทุกๆ เดือน โดยอย่าไปยุ่งกับบัญชีนั้นเด็ดขาด ถ้าจำเป็นต้องใช้เงิน ให้ถือว่ากำลังกู้เงิน ต้องคืนทั้งต้นทั้งดอก
2.เก็บเหรียญทั้งหลายลงกระปุก เปิดอีกบัญชีสำหรับเงินหยอดกระปุก อย่าดูถูกการสะสมเงินเล็กเงินน้อย จากก้อนเล็กๆ เติบโตกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ในอนาคต
3.เก็บเงินคืนที่ได้รับจากเรื่องต่างๆ เข้าบัญชีธนาคาร เช่น เงินคืนตามโปรโมชันการซื้อสินค้า เงินคืนเบี้ยประกัน รายได้เบี้ยใบ้รายทางต่างๆ ให้รวมเป็นบัญชีเดียว แล้วทำบัญชีไว้ คุณจะได้รู้ว่า สิ้นปีรายรับที่ได้จากเงินคืนพวกนี้มันมากขนาดไหน รายรับพวกนี้เป็นรายรับไม่ต้องเสียภาษี น่าเสียดายที่จะใช้ทิ้งๆ ขว้างๆ
4.จ่ายเงินค่างวดผ่อนต่างๆ เข้าบัญชีตัวเอง (แม้เมื่อผ่อนค่างวดนั้นหมดแล้ว) คุณกำลังผ่อนค่างวดรถ (หรือจอแบน) อยู่หรือเปล่า ถ้าใช่ ขอให้คุณผ่อนต่อไปด้วยเงินจำนวนเท่าเดิม แต่จ่ายเข้าบัญชีเงินออมของคุณเอง วิธีนี้คุณไม่เดือดร้อนเพราะคุณเคยชินกับภาระผ่อน อยู่แล้ว แต่คุณต้องไม่ผ่อนอะไรใหม่ๆอีก
 5.หยุดนิสัยฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือยทิ้งให้หมด โดยทำบัญชีรายรับรายจ่ายแล้วคุณจะรู้ว่าอะไรไม่จำเป็น
6.เพิ่มผลตอบแทนการลงทุน เงินออมที่ได้ควรไปต่อเงินด้วยการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด แต่ต้องคิดถึงความเสี่ยงด้วย
7.เป็นสมาชิกสหกรณ์ เป็นวิธีง่ายสุดของการออมเงินเพราะมีคนบังคับ และยังเป็นแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำอีกด้วย
8.ซื้อพันธบัตรรัฐบาล ถ้าสนใจพันธบัตรประเทศไทย ให้เข้าไปดูที่ www.bot.or.th เราต้องดู อัตราดอกเบี้ย และวันจ่ายดอกเบี้ย
9.ใช้ประโยชน์จากการโอนเงินบัญชีธนาคาร เมื่อเงินเดือนถูกนำฝากเข้าในบัญชีของคุณแล้ว คุณควรให้มันอยู่ในบัญชีธนาคารให้นานที่สุด (ฮา)
10.เข้าร่วมแผนออมเงินของบริษัท แผนการออมของบริษัทเป็นแผนออมเงินแบบปลอดภาษี และนายจ้างช่วยจ่ายสมทบ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกจ้าง
11.ใช้การเสียภาษีให้เป็นประโยชน์ เรียนรู้เรื่องภาษี ประโยชน์ที่คุณไม่ควรเสียและประโยชน์ที่คุณควรได้ (ลดหย่อน)
12.เข้าโครงการออมเงินที่น่าสนใจ หาโปรแกรมออมที่ดี บางทีดีจนคุณนึกไม่ถึง
13.ส้มหล่น อย่าเพิ่งกินหมดในคราวเดียว เงินที่ไม่มาบ่อยๆ เช่น มรดก รางวัลเกมโชว์ ลอตเตอรี่ เงินปันผลกองทุน ฯลฯ เงินนี้ควรใช้ในการออมหรือลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ อย่าลืมปรึกษามืออาชีพด้านภาษีด้วย
 14.รัดเข็ดขัดชั่วคราว อยากได้อะไรมากๆ ลองรัดเข็มขัดในช่วงเวลาหนึ่งๆ เช่น 2-3 เดือน เพื่อออมเงินให้มากกว่าปกติ เก็บเงินได้เท่าราคาของแล้วจึงค่อยกลับสู่การดำเนินชีวิตปกติ
15.ฝากเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคลเพื่อการเกษียณอายุสัปดาห์ละครั้ง ในต่างประเทศนิยมมาก ให้ทำบัญชีฝากสะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายก้อนใหญ่เพียงครั้งเดียว สำหรับไทยมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่งนายจ้างจ่ายสมทบให้
16.ให้นำเงินเดือนส่วนเพิ่มไปฝาก ถ้ารับเงินเป็นราย สัปดาห์หรือราย 2 สัปดาห์ อาจเป็นได้ว่าบางเดือนคุณจะได้รับเงินมากครั้งกว่าปกติ เช่น ถ้าได้รับเงินเป็นรายสัปดาห์ จะมี 4 เดือนที่ได้รับเงินมากครั้งกว่าปกติ หรือถ้าได้รับเงินเป็นราย 2 สัปดาห์ จะมี 3 เดือนที่คุณได้เงินเดือน 3 ครั้ง ครั้งที่เกินมาให้นำไปเข้าบัญชีเงินออม (ทันที)
17.เก็บเงินเบิกรายการต่างๆ ส่วนเกินจากรายจ่ายจริงเข้าบัญชีเงินออม ค่าเดินทางหรือรายจ่ายอื่นที่เบิกได้ ควรเก็บส่วนเกินจากรายจ่ายจริงไว้ หรือคุณอาจได้ค่าล่วงเวลา ควรเก็บเงินส่วนนี้มาออมเช่นกัน เช่น ได้ค่าล่วงเวลาเดือนละ 2,000 บาท ถึงสิ้นปีจะมีเงินก้อน 2.4 หมื่นบาท สามารถนำมาใช้จ่ายในกรณีพิเศษโดยไม่ต้องไปถอนเงินออมหลัก
18.ยืมมาออม บางคนประสบความสำเร็จในการกู้เงินธนาคาร แล้วนำกลับไปฝากในบัญชีเงินออมของตนเองอีกทีหนึ่ง วิธีนี้ใช้ได้ผลกับคนที่กำลังมีค่าหักลดหย่อน (เช่น กู้ซื้อบ้าน) และใช้ได้กับช่วงเวลาที่ดอกฝากมากกว่าดอกกู้ (หลังภาษี) เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันไม่ต้องพูดถึง
19.นำเงินปันผลและดอกเบี้ยไปต่อเงินโดยอัตโนมัติ เมื่อลง ทุนหรือฝากเงินในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใด จัดการให้เงินปันผลหรือดอกเบี้ยสามารถนำฝากหรือลงทุนต่อได้อัตโนมัติ ในระยะยาวจะเห็นผลน่าพอใจ
20.ทิ้งเงินไว้ในบัญชีกระแสรายวันให้น้อยที่สุด เพราะมันปลอดดอกเบี้ยทีจะได้
21.ใช้ประโยชน์จาก Float ความหมายของ Float คือระยะช่วงที่ผู้ถือเช็คได้รับเช็คไปจนกระทั่งถึงตอนที่ได้รับเงินสั่งจ่าย ตามเช็ค กล่าวคือช่วงที่ยังไม่ได้ถูกตัดบัญชีก็ควรแช่เงินไว้ในบัญชีเงินฝากให้นาน เท่าที่จะนานได้ ก่อนจะโอนไปเข้าบัญชีกระแสรายวันเพื่อตัดจ่ายเช็คเพื่อเพิ่มดอกเบี้ย
22.จ่ายหนี้ให้หมด คุณอยากได้ผลตอบแทน 17-21% หรือเปล่า? อย่ามีหนี้บัตรเครดิตสิ เคลียร์หนี้บัตรให้หมด รู้มั้ยว่าถ้ายอดหนี้อยู่ที่ 2.4 หมื่นบาท ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งปีอยู่ที่ 4,000-5,200 บาท รีบเคลียร์หนี้ให้หมด ผลตอบแทนที่คุณจะได้คือไม่ต้องเสียดอกเบี้ยก้อนนี้ การปลอดหนี้บัตรจึงเป็นวิธีออมเงินก้อนใหญ่ แต่ถ้าจำเป็นต้องมีหนี้ (จริงๆ) หาบัตรที่ดอกถูกสุดมาใช้
คิดและลงมือทำ! มัทยา กล่าวว่า
เวลาคือสิ่งที่คุณจะต้องใช้ด้วยสำหรับการออมให้ได้เงินก้อนใหญ่ เพราะฉะนั้นก็ต้องเริ่มต้นทำเดี่ยวนี้ ด้วยแผนคร่าวๆ ถึงวิธีและขั้นตอนแล้วบันทึกรายการสิ่งที่ต้องทำ   
การออมเงินให้ได้ตามจุดประสงค์ ต่อให้รายได้น้อยแค่ไหน หากเริ่มแล้วจะไปต่อได้แน่ ถึงจะมากจะน้อย  ก็คือโอกาสที่จะทำให้เจ้าของก้าวต่อได้เสมอ คนที่มีเงินออมเยอะอยู่แล้ว ต้องหาความรู้เพื่อบริหารเงินให้คุ้มค่า ส่วนคนมีน้อยอาจต้องประยุกต์นิดหน่อย เช่น ไม่ต้องฝากแบงก์แต่เก็บใส่กระปุกก็ได้ แต่แน่นอนว่าเงินก้อนนี้มันจะช่วยเราได้จริงๆ
ส่วนที่ว่าทำไมบางคนถึงไปไม่ถึงจุดหมาย ขณะที่บางคนทำได้สำเร็จ? ตอบไม่ยากเลย จำไว้ว่าความคิดและความเชื่อจะกลายเป็นจริงต่อเมื่อคุณคิดและลงมือทำ!”
เงิน เงิน และเงิน อย่าลืมติดตามเรื่องเงินๆได้ที่ http://easytomillionairethai.blogspot.com/